Git 102: ส่งการบ้านขึ้น Cloud (เมื่อโค้ดไม่ได้มีแค่เราคนเดียว)

ตอนที่แล้วเรามีไทม์แมชชีนส่วนตัวกันแล้ว ใช้แค่ git init, add, commit ก็เซฟงานเป็นระเบียบได้สบายๆ แต่! ลองคิดดูดิ... ถ้าอยู่ๆ คอมพังขึ้นมาล่ะ? ไม่ว่าจะฮาร์ดดิสก์เจ๊งหรือทำกาแฟหกใส่... โค้ดทั้งหมดที่เราทำมาก็จะหายวับไปกับตาเลยนะ!

เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมดังกล่าว วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ GitHub บ้านออนไลน์สุดป๊อปสำหรับฝากโค้ดของเรากัน

GitHub คืออะไร? (บ้านของ Git บน Cloud)

ถ้า Git คือ "โปรแกรม" จัดการเวอร์ชันในเครื่องเรา GitHub (และผองเพื่อนอย่าง GitLab, Bitbucket) ก็คือ "เว็บไซต์" ที่ให้บริการเป็นเหมือน "บ้าน" หรือ "เซฟโซน" ให้เราเอาโปรเจค Git ทั้งหมดไปฝากเก็บไว้ได้

ประโยชน์ของมันคือ:

• เป็น Backup ชั้นดี: คอมพังก็ไม่เป็นไร โค้ดเรายังอยู่บน GitHub
• ทำงานได้จากทุกที่: ไปบ้านเพื่อนแล้วอยากแก้โค้ด? แค่หาคอมที่มีเน็ตแล้วดึง (Clone/Pull) โค้ดลงมาทำต่อได้เลย
• เป็น Portfolio โชว์ของ: เปิดโปรเจคเป็น Public ให้คนอื่นเห็นโค้ดสวยๆ ของเราได้
• ประตูสู่การทำงานเป็นทีม: นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งเราจะไปลุยกันในตอนหน้า!

Step 1: สร้างบ้านบน GitHub (Create a Repository)

1. ไปที่ GitHub.com แล้วสมัครสมาชิกให้เรียบร้อย
2. มองหาปุ่ม "New" หรือเครื่องหมายบวก (+) แล้วเลือก "New repository"
3. ตั้งชื่อ Repository: ควรเป็นชื่อเดียวกับโฟลเดอร์โปรเจคในเครื่องเรา จะได้ไม่งง
4. Description (Optional): คำอธิบายสั้นๆ ว่าโปรเจคนี้เกี่ยวกับอะไร
5. Public vs Private:
   • Public: ใครๆ ก็เข้ามาดูโค้ดเราได้ (เหมาะสำหรับทำ Portfolio)
   • Private: เห็นแค่เรากับคนที่เราอนุญาตเท่านั้น

สำคัญมาก! เนื่องจากเรามีโปรเจคอยู่ในเครื่องแล้ว ไม่ต้องติ๊ก เลือก "Add a README file", "Add .gitignore", หรือ "Choose a license" นะ ให้ปล่อยว่างไว้เลย แล้วกดปุ่ม "Create repository" สีเขียวๆ ได้เลย

Step 2: บอก Git ในเครื่องให้รู้จักบ้านใหม่

หลังจากสร้าง Repository เสร็จ GitHub จะแสดงหน้า Quick setup พร้อมคำสั่งต่างๆ ให้เรา สิ่งที่เราต้องทำคือการ "เชื่อม" โปรเจคในเครื่องเราเข้ากับ "บ้าน" หลังใหม่บน GitHub

เปิด Terminal หรือ Command Prompt ในโฟลเดอร์โปรเจคของเรา แล้วก๊อบปี้คำสั่งในหัวข้อ …or push an existing repository from the command line มาวางได้เลย โดยคำสั่งหลักๆ ที่เราจะใช้คือ:

git remote add origin [URL]

คำสั่งนี้คือการบอก Git ในเครื่องเราว่า "เฮ้! บ้านออนไลน์ของโปรเจคนี้อยู่ที่ URL นี้นะ เราจะเรียกมันสั้นๆ ว่า origin"

• remote: จัดการกับการเชื่อมต่อระยะไกล
• add: เพิ่มการเชื่อมต่อใหม่
• origin: ชื่อเล่นมาตรฐานของบ้านเรา (จะตั้งเป็นชื่ออื่นก็ได้ แต่ origin คือชื่อที่ชาวบ้านเขาใช้กัน)
• [URL]: ที่อยู่ .git ที่ GitHub ให้มา

git branch -M main

คำสั่งนี้เป็นการเปลี่ยนชื่อกิ่งหลักของเราจาก master (ชื่อเก่า) ให้เป็น main (ชื่อใหม่ตามมาตรฐานสากล)

Step 3: Push! ผลักโค้ดขึ้นบ้านใหม่

เมื่อเชื่อมบ้านเรียบร้อย ก็ถึงเวลา "ผลัก" หรือ "ส่ง" โค้ดที่เรา commit ไว้ทั้งหมดในเครื่อง ขึ้นไปเก็บไว้บน GitHub ด้วยคำสั่ง:

git push -u origin main

• push: คำสั่ง "ผลัก/ส่ง" โค้ด
• origin: บอกว่าจะส่งไปที่บ้านที่ชื่อ origin
• main: บอกว่าจะส่งโค้ดที่อยู่ในกิ่ง main ของเราไป
• -u: (ย่อมาจาก --set-upstream) เป็นการทำครั้งแรกเพื่อผูกกิ่ง main ในเครื่องเราเข้ากับ main บน origin ครั้งต่อไปเราจะใช้แค่ git push สั้นๆ ได้เลย

พอรันคำสั่งนี้เสร็จ ลองกลับไปรีเฟรชหน้า Repository บน GitHub ดูสิ... ว้าว! ไฟล์ทั้งหมดของเรามาอยู่บนนี้แล้ว!

แล้วถ้าจะเอาลงล่ะ? Clone & Pull

ตอนนี้โค้ดเราอยู่บน Cloud แล้ว ถ้าเราไปใช้คอมเครื่องใหม่แล้วอยากทำงานต่อล่ะ?

git clone [URL] (สำหรับครั้งแรกบนเครื่องใหม่)

ไปที่หน้า Repository บน GitHub กดปุ่ม "Code" สีเขียว แล้วก๊อบปี้ URL มา จากนั้นเปิด Terminal ที่ไหนก็ได้ในเครื่องใหม่แล้วใช้คำสั่ง clone มันจะทำการ "โคลนนิ่ง" โปรเจคทั้งหมดพร้อมประวัติการแก้ไข (ไทม์แมชชีน) ทั้งหมดลงมาในเครื่องเราเลย!

git pull (สำหรับดึงอัปเดต)

ถ้าเราแก้โค้ดที่คอมเครื่องหนึ่งแล้ว push ขึ้นไป พอสลับมาใช้อีกเครื่อง เราก็ต้องดึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุดนั้นลงมาด้วยคำสั่ง git pull มันจะทำให้โค้ดในเครื่องเราซิงค์กับบน GitHub เสมอ

---

ตอนนี้โค้ดของเราปลอดภัยหายห่วงอยู่บน Cloud แล้ว แถมยังทำงานต่อจากคอมเครื่องไหนก็ได้อีกด้วย แค่นี้ก็ดูโปรขึ้นมาอีกระดับแล้ว!

แต่... การใช้ Git ไม่ได้มีดีแค่นี้ หัวใจสำคัญของมันคือการ "ทำงานร่วมกับผู้อื่น" ต่างหาก

ในตอนหน้า เราจะมาเรียนรู้วิธีการ "แตกกิ่ง" (Branch) เพื่อทำงานพร้อมกันหลายๆ คนโดยที่โค้ดไม่ตีกันเละเทะแน่นอน!

---

📚 ซีรีส์ Git สำหรับมือใหม่

• ตอนที่ 1: Git 101: ติดตั้งไทม์แมชชีนให้โค้ดของเรา (ใช้คนเดียวยังไงให้รอด)
• ตอนที่ 2: Git 102: ส่งการบ้านขึ้น Cloud (เมื่อโค้ดไม่ได้มีแค่เราคนเดียว) ← ตอนนี้
• ตอนที่ 3: Git 103: แตกกิ่งก้านสาขา ทำงานร่วมกับชาวแก๊ง (Branch & Merge เบื้องต้น)